วิธีฝึกทารกห่างไกลหน้าจอ!
ในยุคนี้หลายคนอาจใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการดูหน้าจอ ซึ่งสำหรับทารกแล้วอยู่ไกล้หน้าจอยิ่งไวมากเท่าไหร่ ส่งผลต่อพัฒนาการช้าและสมาธิสั้นค่ะ โดยการวิจัยไม่แนะนำให้ทารกต่ำกว่า 2 ขวบ ใช้อุปกรณ์ไอทีต่างๆ เช่น มือถือ แท็บเล็ตและโทรทัศน์ ดังนั้นการปฏิบัติตามข้อต่อไปนี้จะช่วยป้องกันการติดหน้าจอสำหรับเด็กเล็กลงได้ค่ะ
ข้อที่ 1 ไม่ใช้มือถือหรือแท็บเล็ตขณะกินข้าว!
ในหลายครอบครัวจะใช้แท็บเล็ตหรือมือถือเป็นสื่อกลางให้ทารกตอนรับประทานอาหาร เพราะลูกหลายคนกินยากกินได้น้อยซึ่งเป็นการปลุกฝังนิสัยทารกให้ติดหน้าจอ ถ้าไม่มีหน้าจออาจทำให้ลูกงอแงและไม่ยอมกินข้าวตามมาได้ วิธีแก้ที่ดีคือการที่คุณพ่อคุณแม่นั่งรับประทานไปพร้อมกับลูก ชวนคุยเล่นตลกบ้าง เพื่อให้ลูกเพลิดเพลิน จะทำให้ทารกอยากกินข้าวตามเมื่อเห็นพ่อแม่กำลังทานค่ะ
ข้อที่ 2 งดหน้าจอทุกกิจกรรม!
แน่นอนว่าวัยที่กำลังฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแรงหรือช่วงอายุก่อน 1 ขวบ ต้องมีกิจกรรมของเสริมด้านร่างกายและสมอง ไม่ว่าจะเป็นการหยิบจับสิ่งของหรือเปิดอ่านหนังสือ ทุกกิจกรรมทั้งหมดต้องงดการใช้เครื่องมือดิจิตอลทุกรูปแบบนะคะ เพราะการฝึกให้ลูกดูผ่านหน้าจอบ่อยครั้งเป็นเวลานาน นอกจากทำให้พัฒนาการสมองช้าลงแล้วยังส่งผลต่อม่านตาที่รับแสงสีฟ้า ทำให้มีโอกาสสายตาสั้นได้ตั้งแต่ตอนเด็กค่ะ
ข้อที่ 3 ระวังทารกดูทีวีตอนกลางคืน!
แม้ในบางครั้งกิจกรรมภายในครอบครัวที่ต้องทำร่วมกันอาจเป็นการดูโทรทัศน์ แนะนำสำหรับเด็กเล็กไม่ควรดูเกิน 10 นาที และห้ามดูโทรทัศน์ในตอนกลางคืนเด็ดขาดค่ะ เพราะการดูโทรทัศน์ในที่มืดจะยิ่งทำให้พัฒนาการด้านสายตาและการมองเห็นแย่ลงอย่างมาก ถ้าไม่อยากให้ลูกของเราสายตาสั้นตั้งแต่ตอนนี้พยายามงดการดูหน้าจอก่อนอายุ 2 ขวบนะคะ
ข้อที่ 4 พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดี!
แม่รู้ไหมคะ? แค่พฤติกรรมปัดมือถือเล่นให้ลูกดู ลูกเลยอยากมีส่วนร่วมบ้าง อยากทำตามได้ ดังนั้นขณะที่ทำกิจกรรมอยู่ร่วมกับลูกไม่ควรแสดงพฤติกรรมที่ใช้มือถือหรือเล่นแท็บเล็ต เพราะทารกวัยไม่ถึงขวบแรกพฤติกรรมเพียงเล็กน้อยก็อาจเป็นภาพจำให้ลูกอยากทำตามได้ พ่อแม่ต้องระวังการใช้มือถือขณะที่อยู่ใกล้ทารกนะคะ
***วิธีทั้งหมดนี้จะช่วยให้ลูกที่กำลังเติบโตอยู่ห่างไกลหน้าจอได้ค่ะ เพราะจุดที่สำคัญคือการที่พ่อแม่ใช้เวลาร่วมกับลูกให้ได้มากที่สุด ไม่ควรนำอุปกรณ์ไอทีมาเป็นสื่อกลางระหว่างเรากับลูก เพียงเท่านี้ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวเพิ่มยิ่งขึ้นค่ะ***
“พัฒนาการของลูก พ่อแม่มีบทบาทมากที่สุด”
หน้าที่เข้าชม | 2,838,320 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,497,358 ครั้ง |
เปิดร้าน | 14 ส.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 15 ส.ค. 2568 |